top of page

โรคสะเก็ดเงิน - Psoriasis

**โรคสะเก็ดเงิน** เป็นโรคผิวหนังเรื้อรังที่ทำให้เกิดปื้นแดงและสะเก็ดหนา มักเกิดจากการทำงานผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน โรคนี้ไม่ใช่โรคติดต่อ แต่สามารถส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน การรักษามีหลายรูปแบบ เช่น การใช้ยาทาภายนอก การรักษาด้วยแสง และยากินเพื่อควบคุมอาการ และการดูแลสุขภาพตนเองเพื่อลดการกำเริบของโรค

**โรคสะเก็ดเงิน: โรคเรื้อรังที่ควรรู้จักและการดูแลรักษา**


**โรคสะเก็ดเงินคืออะไร?**


โรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis) เป็นโรคผิวหนังเรื้อรังที่พบได้บ่อยในผู้คนทั่วโลก เกิดจากการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของเซลล์ผิวหนัง ซึ่งทำให้เกิดการสะสมของเซลล์ผิวหนังเก่าที่ชั้นบนสุดของผิวหนังจนกลายเป็นสะเก็ดหนา รูปลักษณ์ของสะเก็ดเงินมักจะเป็นรอยแผลสีแดงขนาดใหญ่ที่มีสะเก็ดสีเงินปกคลุมอยู่ โรคนี้ไม่ได้เป็นโรคติดต่อ แต่เป็นโรคที่ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันของผู้ป่วยได้มาก


**สาเหตุของโรคสะเก็ดเงิน**


ปัจจุบันยังไม่มีสาเหตุที่แน่ชัดของโรคสะเก็ดเงิน แต่มีความเชื่อว่าปัจจัยที่เกี่ยวข้องมีดังนี้:

1. **ระบบภูมิคุ้มกันผิดปกติ**: การทำงานผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันเป็นหนึ่งในสาเหตุหลัก โดยระบบภูมิคุ้มกันจะเร่งการผลิตเซลล์ผิวหนังเร็วเกินไป จนทำให้เกิดการสะสมของเซลล์ผิวหนังใหม่ที่ยังไม่ทันสลายตัวของเซลล์ผิวหนังเก่า

2. **พันธุกรรม**: หากมีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคสะเก็ดเงิน โอกาสที่จะเป็นโรคนี้ก็จะสูงขึ้น

3. **สิ่งแวดล้อม**: ปัจจัยที่มากระตุ้น เช่น ความเครียด การติดเชื้อ การได้รับบาดเจ็บ หรือแม้แต่การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ก็อาจทำให้โรคสะเก็ดเงินกำเริบได้


**ชนิดของโรคสะเก็ดเงิน**


โรคสะเก็ดเงินสามารถแบ่งออกเป็นหลายชนิด โดยชนิดที่พบบ่อยได้แก่:

1. **สะเก็ดเงินชนิดปื้น (Plaque Psoriasis)**: เป็นชนิดที่พบบ่อยที่สุด มีลักษณะเป็นปื้นสีแดงขนาดใหญ่ที่มีสะเก็ดสีเงินปกคลุม ส่วนใหญ่พบที่ข้อศอก เข่า และหนังศีรษะ

2. **สะเก็ดเงินชนิดหยดน้ำ (Guttate Psoriasis)**: มีลักษณะเป็นจุดเล็ก ๆ ที่กระจายทั่วร่างกาย มักพบในเด็กและวัยรุ่นหลังจากมีการติดเชื้อในทางเดินหายใจ

3. **สะเก็ดเงินบริเวณข้อต่อ (Psoriatic Arthritis)**: เป็นสะเก็ดเงินที่เกิดขึ้นบริเวณข้อต่อ ทำให้เกิดอาการปวดและบวมตามข้อ


**อาการของโรคสะเก็ดเงิน**


อาการของโรคสะเก็ดเงินมักแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล และมีความรุนแรงที่แตกต่างกัน อาการที่พบบ่อยได้แก่:

- ผิวหนังเป็นปื้นสีแดง

- มีสะเก็ดหนาสีเงิน

- อาการคันหรือปวดบริเวณผิวหนัง

- ผิวหนังแห้ง แตก หรือมีเลือดออก

- เล็บที่แยกออกจากผิวหนังหรือนิ้วขาดรูป


**การวินิจฉัยโรคสะเก็ดเงิน**


การวินิจฉัยโรคสะเก็ดเงินทำได้โดยการตรวจสอบลักษณะทางกายภาพของผิวหนัง แพทย์อาจทำการตรวจสอบประวัติครอบครัว รวมถึงประวัติการเป็นโรคของผู้ป่วย การตรวจด้วยการขูดผิวหนังหรือตรวจชิ้นเนื้อผิวหนังเพิ่มเติมก็อาจเป็นวิธีหนึ่งในการยืนยันการวินิจฉัย


**ปัจจัยที่กระตุ้นการกำเริบของโรคสะเก็ดเงิน**


ถึงแม้โรคสะเก็ดเงินจะเป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่การระวังปัจจัยที่ทำให้โรคกำเริบก็เป็นสิ่งสำคัญ ปัจจัยที่ทำให้โรคกำเริบมีดังนี้:

1. **ความเครียด**: ความเครียดทั้งทางกายและจิตใจสามารถกระตุ้นให้โรคกำเริบ

2. **การติดเชื้อ**: การติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจหรือการติดเชื้อไวรัส เช่น หวัด หรือไข้หวัดใหญ่ อาจทำให้โรคสะเก็ดเงินกลับมากำเริบได้

3. **การบาดเจ็บของผิวหนัง**: การขูดขีดหรือการบาดเจ็บที่ผิวหนังสามารถกระตุ้นให้สะเก็ดเงินปรากฏขึ้นที่จุดนั้น

4. **การใช้ยา**: ยาบางชนิด เช่น ยาความดันโลหิตสูง ยารักษาโรคซึมเศร้า หรือยาที่มีสเตียรอยด์ อาจเป็นปัจจัยกระตุ้นโรคสะเก็ดเงินได้

5. **แอลกอฮอล์และบุหรี่**: การดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่เป็นปัจจัยเสี่ยงที่เพิ่มความรุนแรงของโรคสะเก็ดเงิน


**การรักษาโรคสะเก็ดเงิน**


การรักษาโรคสะเก็ดเงินมีหลายวิธี โดยมีเป้าหมายหลักในการลดการอักเสบและควบคุมการผลิตเซลล์ผิวหนัง การรักษาสามารถแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบหลัก ได้แก่:

1. **การใช้ยาทาภายนอก**: เป็นวิธีการรักษาเบื้องต้นสำหรับผู้ที่มีอาการไม่รุนแรง ยาที่ใช้มักเป็นยาลดการอักเสบ เช่น ครีมสเตียรอยด์ วิตามินดีสังเคราะห์ และยาต้านการแบ่งเซลล์ผิวหนัง

2. **การใช้แสงรักษา (Phototherapy)**: การใช้แสง UV ในการรักษาเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยลดการอักเสบและควบคุมการผลิตเซลล์ผิวหนังได้ การรักษาด้วยแสงต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

3. **การใช้ยากินหรือฉีด**: สำหรับผู้ที่มีอาการรุนแรง แพทย์อาจพิจารณาให้ใช้ยาที่มีฤทธิ์ควบคุมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน เช่น Methotrexate หรือยาชีวภาพ (Biologics) ซึ่งมีผลควบคุมการอักเสบอย่างมีประสิทธิภาพ


**การดูแลตนเองสำหรับผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงิน**


นอกจากการรักษาทางการแพทย์แล้ว ผู้ป่วยควรดูแลสุขภาพของตนเองให้ดีที่สุดเพื่อควบคุมอาการของโรคสะเก็ดเงินและป้องกันการกำเริบ สิ่งที่สามารถทำได้มีดังนี้:

1. **การรักษาความชุ่มชื้นของผิวหนัง**: ผิวที่แห้งจะทำให้อาการของโรคสะเก็ดเงินรุนแรงขึ้น ดังนั้นควรใช้ครีมหรือโลชั่นที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นหลังอาบน้ำทุกครั้ง

2. **หลีกเลี่ยงปัจจัยที่กระตุ้นโรค**: ควรหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้โรคสะเก็ดเงินกำเริบ เช่น ความเครียด การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ และการบาดเจ็บที่ผิวหนัง

3. **การดูแลสุขภาพจิต**: โรคสะเก็ดเงินสามารถส่งผลต่อสุขภาพจิตของผู้ป่วยได้ การจัดการกับความเครียดโดยการออกกำลังกาย นั่งสมาธิ หรือพบแพทย์จิตเวชเพื่อปรึกษาปัญหาสุขภาพจิตเป็นสิ่งที่ช่วยได้

4. **รับประทานอาหารที่มีประโยชน์**: ควรรับประทานอาหารที่มีส่วนประกอบของสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามินดี และกรดไขมันโอเมก้า-3 ซึ่งช่วยลดการอักเสบในร่างกาย


**ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับโรคสะเก็ดเงิน**


โรคสะเก็ดเงินเป็นโรคที่หลายคนอาจยังไม่เข้าใจอย่างถูกต้อง ส่งผลให้เกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับโรคนี้ เช่น:

- **โรคสะเก็ดเงินไม่ใช่โรคติดต่อ**: คนทั่วไปมักเข้าใจผิดว่าโรคสะเก็ดเงินเป็นโรคติดต่อ ทำให้ผู้ป่วยถูกกีดกันทางสังคม ซึ่งในความเป็นจริงโรคสะเก็ดเงินไม่ได้เกิดจากเชื้อโรค และไม่สามารถแพร่ระบาดได้

- **ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้**: แม้ว่าจะยังไม่มีวิธีการรักษาโรคสะเก็ดเงินให้หายขาด แต่การรักษาทางการแพทย์สามารถช่วยควบคุมอาการและลดการกำเริบได้


**สรุป**


โรคสะเก็ดเงินเป็นโรคเรื้อรังที่ส่งผลกระทบทั้งต่อร่างกายและจิตใจของผู้ป่วย แม้ว่าโรคนี้จะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่การดูแลรักษาทางการแพทย์ร่วมกับการดูแลสุขภาพตนเองสามารถช่วยควบคุมอาการของโรคและเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยได้อย่างมาก ผู้ป่วยควรรับรู้ถึงปัจจัยที่ทำให้โรคกำเริบ และรักษาสุขภาพทั้งทางกายและใจให้ดีที่สุด


**คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโรคสะเก็ดเงิน**


1. **โรคสะเก็ดเงินติดต่อหรือไม่?**

โรคสะเก็ดเงินไม่ใช่โรคติดต่อ และไม่สามารถแพร่เชื้อจากคนหนึ่งไปยังอีกคนได้


2. **โรคสะเก็ดเงินรักษาให้หายขาดได้หรือไม่?**

ขณะนี้ยังไม่มีวิธีการรักษาโรคสะเก็ดเงินให้หายขาด แต่สามารถควบคุมอาการได้ด้วยการรักษาและการดูแลตัวเอง


3. **การรักษาด้วยแสง UV อันตรายหรือไม่?**

การรักษาด้วยแสง UV ภายใต้การดูแลของแพทย์มีความปลอดภัย แต่การรับแสง UV มากเกินไปอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งผิวหนัง


4. **โรคสะเก็ดเงินส่งผลกระทบต่อเล็บหรือไม่?**

ใช่ ผู้ป่วยสะเก็ดเงินบางรายอาจมีอาการที่เล็บ เช่น เล็บแยกออกจากผิวหนัง หรือเล็บขรุขระ


5. **สะเก็ดเงินชนิดใดที่พบบ่อยที่สุด?**

สะเก็ดเงินชนิดปื้น (Plaque Psoriasis) เป็นชนิดที่พบบ่อยที่สุด


6. **การออกกำลังกายช่วยโรคสะเก็ดเงินได้หรือไม่?**

การออกกำลังกายช่วยลดความเครียด ซึ่งเป็นปัจจัยกระตุ้นโรคสะเก็ดเงิน ดังนั้นการออกกำลังกายจึงมีประโยชน์ในการควบคุมอาการ

รูปโรค

bottom of page